หลวงพ่อหมี คือ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ 200 ปี ที่มีปาฏิหาริย์มากมาย ช่วยปัดเป่าผู้มีความทุกข์ทั้งโรคภัยไข้เจ็บ และเรื่องต่างๆ แต่น้อยคนในประเทศไทยที่จะรู้จัก ควรมากราบสักครั้งหนึ่งในชีวิต

ก่อนที่จะอ่านรายละเอียดในหนังสือ กระผมในนามผู้คัดลอกประวัติหลวงพ่อหมีมาจัดทำเป็นรูปแบบดิจิทัล ขอกล่าวนำสักเล็กน้อยถึงเหตุที่นำข้อมูลหลวงพ่อหมีมาเผยเเพร่ คือเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2566 ผมกลับบ้านมาที่ อ.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา ซึ่งบ้านผมก็อยู่ใกล้ๆวัดสีจานของหลวงพ่อหมี ได้ขึ้นไปนั่งสมาธิ 30 นาทีบนห้องพระ เมื่อครบเวลาได้อุทิศส่วนกุศลแลอธิษฐานขอให้คนในครอบครัวอายุยืน ต่ออายุให้มีสุขภาพแข็งแรง เมื่อนั่งสมาธิเสร็จ ไปทำธุระสักครู่ได้เกิดความอยากดูรูปเก่าๆตั้งแต่เด็ก ก็ได้ไปค้นตู้เก็บอัลบั้มภาพเก่า ค้นไปลึกๆก็ไปเจอหนังสือที่ระลึกงานฝังลูกนิมิต วัดสีจาน ปนอยู่ใต้อัลบั้มภาพซึ่งเป็นรูปหลวงพ่อหมีที่ปก และเคยเห็นหนังสือนี้มาตั้งแต่เด็ก ผ่านมา 30 กว่าปี ได้เปิดอ่านประวัติของหลวงพ่อหมี พบว่าท่านมีฤทธิ์ช่วยรักษาโรคและช่วยคนให้ฟื้นขึ้นจากโรคร้ายและอีกหลายอย่าง ใจก็เกิดความอัศจรรย์ว่าที่ไปอธิษฐานตอนนั่งสมาธินั้นพระท่านคงจะมาสงเคราะห์เป็นแน่ในเมื่อสิ่งที่อ่านกับสิงที่อธิษฐานนั้นมาตรงกัน
นอกจากนั้นยังนึกขึ้นได้ว่าที่โต๊ะหมู่ที่นั่งสมาธินั้นมีพระหลายองค์ก็จริง แต่ลืมไปว่ามีรูปหล่อหลวงพ่อหมีด้วยนี่นะที่พ่อแม่เคยบูชามาตั้งแต่เรายังเด็ก ผมเลยเดินกลับขึ้นไปจับองค์หลวงพ่อหมีขึ้นมาบอกกล่าวท่านและอาราธนาท่านมาอธิษฐานสรงน้ำสงกรานต์ เรื่องแบบนี้ที่ผมเจออาจเป็นความบังเอิญที่คิดไปเองก็ได้ แต่ด้วยผมเจอเรื่องประเภทนี้บ่อยที่บางครั้งอยากทำอะไรลงไปแล้วไม่รู้ว่าทำไปทำไม แต่มีผลเฉลยย้อนกลับมาตอบคำถามเสมอ จึงเชื่อว่าไม่บังเอิญ
ก่อนหน้านี้มีผู้พูดถึงหลวงพ่อหมีในสื่อทีวีมาบ้างแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปคนก็ค่อยลืมเลือน ดังนั้นโอกาสนี้ผมจึงขอนำเสนอประวัติของหลวงพ่อหมีจากหนังสือขึ้นสู่ Internet เพื่อหวังว่าจะเผยแพร่บารมีหลวงพ่อหมีให้คนทั้งประเทศไทยได้รู้จัก เช่นเดียวกับหลวงพ่อบ้านแหลม หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดไร่ขิง เป็นต้น

หลวงพ่อหมี กับพระร่วงโรจนฤทธิ์
เรื่องนี้เป็นมุมมองของกระผมที่ไม่ได้มีในหนังสือหลวงพ่อหมีแต่อย่างใด เพียงแต่อยากกล่าวถึงเองเพิ่มจากหนังสือ หลวงพ่อหมีนั้นเกี่ยวข้องกับพระร่วงโรจนฤทธิ์ หรือไม่อย่างไร ทำไมจึงมีเขียนวงเล็บไว้ท้ายชื่อหลวงพ่อหมีในหนังสือประวัติเล่มนี้
สำหรับพระร่วงโรจนฤทธิ์นั้นเป็นพระพุทธรูปสำคัญประดิษฐานภายในวิหารด้านทิศเหนือขององค์พระปฐมเจดีย์ แต่ไม่ทราบว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไรระหว่างหลวงพ่อหมี วัดสีจาน กับพระร่วงโรจนฤทธิ์ เพราะพระร่วงโรจนฤทธิ์ที่ประปฐมเจดีย์ทรงยกพระหัตถ์ขวา แต่หลวงพ่อหมีมีพระหัตถ์แนบพระวรกายทั้งสองข้าง จึงเป็นปริศนาที่หนังสือประวัติไม่ได้กล่าวไว้ กระผมสันนิษฐานเอาเองว่าอาจเป็นเพราะพุทธลักษณะประทับยืนเสมือนพระร่วงโรจนฤทธิ์ซึ่งคนสมัยก่อนเคยเห็นที่พระปฐมเจดีย์มาก่อน หรือหลวงพ่อหมีมีลักษณะพระพักตร์(รูปใบหน้า) สัดส่วนรูปทรงคล้ายๆกันกับพระร่วงโรจนฤทธิ์
หรือหลวงพ่อหมีท่านเคยมาบอกแก่ผู้มีญาณท่านใดในทางทิพย์ว่าพรหมเทวดาที่รักษาท่านคือองค์เดียวกับพระร่วงโรจนฤทธิ์ท่านจึงประสงค์ให้เรียกชื่ออีกอย่างของหลวงพ่อหมีว่าพระร่วงโรจนฤทธิ์หรือไม่ ก็ไม่อาจทราบได้ แต่เป็นไปได้ทั้งหมด
นายทองเลี่ยม เลิศธรรม ผู้เรียบเรียงประวัติหลวงพ่อหมีไว้ให้คนรุ่นหลัง
หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์เมื่อ พ.ศ.2531 โดยส่วนของประวัติหลวงพ่อหมี นั้นเขียนโดย นายทองเลี่ยม เลิศธรรม เป็นชาว อ.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา ซึ่งปัจจุบันได้ล่วงลับไปแล้ว นับเป็นคุณูปการต่อการเผยแพร่ประวัติหลวงพ่อหมีโดยแท้ และมิควรลืมกล่าวยกย่องไว้ ณ ที่นี้
ภาพถ่ายหนังสือประวัติ และปาฏิหาริย์หลวงพ่อหมี




นอกจากภาพถ่ายหนังสือต้นฉบับของวัดสีจาน กระผมได้พิมพ์ดิจิทัลขึ้นมาในเว็บนี้และแทรกหัวข้อให้น่าสนใจสำหรับคนยุคใหม่ดังนี้
หลวงพ่อหมีวัดสีจาน
(พระร่วงโรจนฤทธิ์)
วัดสีจาน สร้างขึ้นสมัยใดไม่มีใครทราบเพราะไม่มีหลักฐานยืนยัน เพียงแต่เห็นหนังสือประกาศตั้งวัดสีจานเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๖ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ ๒๔๖๐ เนื้อที่บริเวณของวัด ๖ ไร่ ๓๘ ตารางวา แต่เดิมนั้นเนื้อที่วัดสีจานกว้างขวางกว่าปัจจุบันนี้ แต่เพราะเนื้อที่ถูกถนนตัดผ่านถึงสามด้าน และอีกส่วนหนึ่งยกให้ทางราชการสร้างสถานีอนามัย (โรงพยาบาลขามทะเลสอเดิมตั้งอยู่ที่สถานีอนามัย) จึงเหลือเนื้อที่ที่ปรากฎ เดิมนั้นวัดสีจานเคยมีถึงสี่วัดด้วยกัน โดยวัดหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านสีจาน ส่วนอีกวัดอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน ทั้งสองวัดนี้มีวัตถุต่างๆเช่นพระดินเผา เศษบาตรแตกเป็นต้น ซึ่งพอจะสันนิษฐานได้ อีกวัดหนึ่งไม่ทราบว่าอยู่ทางทิศใด เพียงแต่เล่าลือกันสืบมา อีกวัดหนึ่งคือวัดสีจานปัจจุบัน ตามสันนิษฐานคงจะมีการโยกย้ายหรือสร้างขึ้นในสมัยเดียวกันไม่อาจยืนยันได้ เช่นเดียวกับอุโบสถวัดสีจานหลังเก่า ผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีอายุตั้งแต่ ๙๐ ปีลงมาถึง ๖๐ ปี หลายท่านก็ไม่มีใครทราบและเคยเห็นว่าสร้างหรือผูกพัทธสีมาเมื่อใด เพียงแต่เล่าว่าหลวงพ่อเหน่มาจากวัดหนองคูได้ชักชวนนายเพชรและชาวบ้านปฏิสังขรณ์อยู่จำพรรษา เดิมเสาอุโบสถเหลือเพียงเสาต้นเดียวไม่มีหลังคาหรือมุง ฐานอุโบสถราบกับพื้น มีหญ้าแฝกและต้นสีหลอดเทศขึ้นอยู่เป็นหย่อมๆทั่วบริเวณวัด และมีพระพุทธรูปยืนองค์หนึ่งประดิษฐานอยู่กลางแจ้งภายในอุโบสถ ซึ่งปัจจุบันเรียกหลวงพ่อหมี
ประวัติหลวงพ่อหมี สร้างขึ้นสมัยใดไม่มีหลักฐานแจ้งชัด และมาประดิษฐานที่วัดสีจาน เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่วัด ทำด้วยไม้ผสมโลหะ คล้ายปิดกระจกเหมือนสมัยปัจจุบัน ลักษณะเป็นพระยืนพระพักต์ตรง ห้อยพระหัตถ์ลงสุดแนบลำตัว พระเกตุ (ยอด) เป็นเหลี่ยมเรียว พระบาททรงรองเท้าเหมือนตำนานเรื่องสังข์ทอง ประทับยืนอยู่บนแท่น (ฐาน) สร้างมาประมาณ ๒๐๐ ปีเศษ
ชาวพุทธให้ความเคารพเลื่อมใสมาก มากราบไหว้ขอน้ำมนต์ ปิดทองอยู่เสมอ หรือในเมื่อมีการประกอบกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็มาจุดธูปเทียนอธิษฐานขอให้ช่วยเป็นกำลังใจหรือให้สมความปรารถนาเป็นต้น
ปาฏิหาริย์อันเป็นที่มาของชื่อหลวงพ่อหมี
เรื่องปาฏิหาริย์มีผู้เล่าไว้เป็นสองนัย นัยหนึ่งว่าเดิมวัดสีจานมีป่าไม้และสวนของชาวบ้านล้อมรอบ หลวงพ่อหมีประดิษฐานอยู่ราวป่า อีกนัยหนึ่งว่าประดิษฐานอยู่ในโรงอุโบสถร้าง แต่ทั้งสองนัยที่ตรงกันคือเล่าว่ามีชาวบ้านได้มาทำไร่และจุดไฟเผาไร่ ไฟได้ลุกลามไหม้สิ่งต่างๆทั่วบริเวณวัดจนหมด ไฟได้ลุกลามเข้าไปในโรงอุโบสถ และได้ไหม้พระประธาน พระเล็กพระน้อยจนหมดสิ้น แต่มีพระพุทธรูปยืนองค์หนึ่งไฟมิได้ไหม้เป็นเถ้าถ่าน เพียงแต่ไหม้เกรียมไปทั้งองค์ดำหมด ต่อมาผู้ที่ทำไฟไหม้ได้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ปรากฎว่าหน้าดำ จึงทำให้เข้าใจว่าเป็นเพราะกรรมของตนที่ทำไฟไหม้พระพุทธรูปยืนองค์นั้น จึงเลื่อมใสพระพุทธรูปองค์นี้มาก ชายหน้าดำที่เกิดมานั้นชื่อว่า นายพูน และด้วยการที่พระพุทธรูปไหม้เกรียมดำทั้งองค์นี้ ชาวบ้านจึงเรียกท่านว่า หลวงพ่อหมี
อภินิหาริย์ตายแล้วฟื้นเพราะหลวงพ่อหมี
เรื่องนาย นกเทศ หงษ์เทศ ท่านเป็นคนบ้านสีจาน ท่านมีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและหลวงพ่อหมีเป็นอย่างมาก ท่านได้ป่วยหนักและสิ้นใจไป ต่อมาท่านได้ฟื้นขึ้นมาอีก เพราะหลวงพ่อหมีช่วยชีวิตไว้ เมื่อท่านอาการดีขึ้นจนเป็นปรกติท่านได้เห็นสภาพวัดสีจาน และอุโบสถทรุดโทรมขาดการทำนุบำรุง ท่านจึงสละทุนทรัพย์สร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น โดยสร้างคร่อมทับหลังเก่า แบบก่ออิฐเสริมไม้ใหญ่โตสวยงามมาก อุโบสถหลังเก่านี้อยู่มาจนถึงปัจจุบัน
เรื่องที่ท่านประสบเมื่อ สมัยบ้านเมืองเกิดโรคระบาด คือโรคเปคหรือกาฬโรค ขณะที่ท่านนอนป่วยอยู่นั้นท่านได้เห็นหลวงพ่อหมี และท่านได้ลุกขึ้นพนมมือไหว้ หลวงพ่อหมีได้พรมน้ำมนต์ให้ท่าน แล้วท่านได้ภาวนาให้หลวงพ่อหมีช่วยรักษาอาการป่วยให้หายโดยเร็ว ทันใดนั้นหลวงพ่อหมีก็หายไปโดยฉับพลัน ต่อมาท่านได้มาวัดสีจานและเอาน้ำมนต์หลวงพ่อหมีไปอาบกิน อาการป่วยก็หายไปในที่สุด
ครั้นต่อมาท่านได้ล้มป่วยลงอีกครั้งที่บ้านพักหนองบัวรอง หลังธนาคารกรุงไทยปัจจุบัน (พ.ศ.๒๕๓๑) อาการป่วยท่านหนักมากถึงได้นิมนต์พระมาบังสุกุลที่บ้าน ญาติพี่น้องได้ร่วมกันทำบุญมากมาย ในขณะพระสวดบังสุกุลอยู่นั้นเป็นเวลากลางคืน นายนกเทศก็ได้สิ้นใจไป พี่น้องที่มาร่วมบุญตกตะลึงและเสียใจเป็นอันมาก ทุกคนคิดว่านายนกเทศได้ตายไปเสียแล้ว ประจวบกับเสียงสุนัขใต้ถุนบ้านเห่าหอน เวลาล่วงเลยประมาณเกือบชั่วโมง นายนกเทศก็ได้ฟื้นคืนขึ้นมาอีกครั้งและได้เล่าให้พระและญาติๆฟังว่า ขณะตนนอนป่วยอยู่นั้นได้ภาวนาให้หลวงพ่อหมีช่วยตลอดเวลา และต่อมาได้มียมฑูต ๒ – ๓ ท่าน ได้มาฉุดให้ท่านออกทางหน้าต่าง ท่านได้เห็นหลวงพ่อหมีเข้ามาช่วยแล้วพูดว่า “จะเอาคนของกูไปไหน” ด้วยอภินิหาริย์ของหลวงพ่อหมีที่ช่วยชีวิตท่านไว้ถึงสองครั้งให้รอดตาย ท่านจึงสร้างอุโบสถวัดสีจาน พร้อมพระประธานใหม่ ต่อมาท่านได้ย้ายไปประกอบการค้าที่จังหวัดขอนแก่นจนร่ำรวยอีกท่านหนึ่ง
หลวงพ่อหมีเข้าฝันบอกวิธีรักษาโรค
เรื่องทายกเหม่ง ท่านฝันว่าหลวงพ่อหมีบอกว่า ถ้าผู้ใดเป็นโรคตาแหก หรือโรคกากกระด้าง ปากเบี้ยว ให้ยกครู ๑๒ บาท กรวยพระ ๖ กรวย ผ้าแพร ๑ ผืน อธิษฐานขอน้ำมนต์มาดื่มกินและอาบ อาการป่วยจะหายไป โรคนี้ชาวบ้านสีจานเป็นอยู่ ๓ คน ได้ไปรักษาที่ต่างๆแต่ไม่หาย สุดท้ายมายกครูและขอน้ำมนต์หลวงพ่อหมีไปอาบกินจนหายเป็นปรกติ
หลวงพ่อหมีรักษาโรคง่อยเปลี้ย
เรื่องของคุณยายน้อย บ้านละลมหม้อ ต.โคกกรวด ได้คลอดลูกออกมาแล้วอายุ ๒ ปี ได้ป่วยเป็นโรคง่อยเปลี้ยเสียขา คือเดินไม่ได้หลังคลอด ได้ไปรักษาที่ต่างๆก็ไม่หายเช่นกัน จึงมาขอน้ำมนต์หลวงพ่อหมีไปอาบกิน อาการป่วยจึงหายเป็นปรกติ
หลวงพ่อหมีบอกวิธีคลอดลูกง่าย
เรื่องของคุณนายอุดม ภรรยาของคุณหมอน้อย สถานีอนามัยอำเภอขามทะเลสอ หลวงพ่อหมีได้ไปเข้าฝันว่า ผู้ใดอยากคลอดบุตรง่าย ให้เอาไข่ ๓ ฟอง น้ำสะอาดหนึ่งถัง ไปให้หลวงพ่อหมีปลุกเสก แล้วเอาไข่นั้นมาต้มกินแล้วเอาน้ำมนต์ท่านอาบกินด้วย พวกที่ตั้งครรภ์แก่ต่างพากันไปขอ จึงคลอดลูกง่ายทุกๆคน
อธิษฐานขอลูกชายจากหลวงพ่อหมี
เรื่องการอธิษฐานขอบุตรเป็นลูกชาย นางหลง ร้านตั้งสวัสดิ์ อ.เมือง นครราชสีมา ได้มาอธิษฐานขอลูกจากท่าน จึงได้ลูกเป็นชายแล้ว
การสาบาน
เรื่องการสาบาน ต่อหน้าหลวงพ่อหมี ท่านมีความศักดิ์สิทธิ์มาก
โชคลาภ
เรื่องการขอโชคลาภ ท่านได้ให้คนที่ไปขอได้มีโชคอย่างมากทีเดียว เช่น คุณป้าชุบ สฤษดิ์กุล ได้โชคลาภอย่างมหาศาล
ขอสอบเรียนต่อได้ สอบทำงานได้
เรื่องการขอเข้าสอบและเรียนต่อ หรือสอบเข้าทำงานต่างๆ ท่านก็ช่วยเหลือจะเป็นผลสำเร็จหลายรายแล้ว
หลวงพ่อหมีรักษาโรคกระดูกให้นายทองเลี่ยม
เรื่องของนายทองเลี่ยม เลิศธรรม ได้ป่วยเป็นโรคกระดูกสันหลังอักเสบ รักษาตามโรงพยาบาลต่างๆก็ไม่หาย ไปรักษาแผนโบราณก็ไม่ทุเลา จึงขอมอบตัวเป็นศิษย์ของท่านและช่วยสร้างกุฏิสงฆ์ให้เสร็จ ขอให้อาการป่วยได้หายเสีย การอธิษฐานและอาบกินน้ำมนต์หลวงพ่อหมี ก็ช่วยให้อาการป่วยเหล่านั้นหายเป็นปกติได้
ตามข้อความที่เล่ามานี้ ขอยืนยันว่าเป็นความจริง และมีหลักฐานให้พิสูจน์ได้เสมอ และขอให้ท่านทั้งหลายได้ไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง จะพบข้อเท็จจริง และตามข้อบอกเล่าว่า มีผู้ขโมยเจาหลังพระพุทธรูปหลวงพ่อหมี เพื่อวัตถุประสงค์อันใดมิทราบได้ ซึ่งมีรอยปรากฎจริง เรื่องปาฏิหาริย์กับความเป็นจริงย่อมขัดแย้งกันอยู่ในตัว ผู้เล่ามิได้หวังที่จะหลอกลวง หรือคัดค้านแต่อย่างไร แล้วแต่ท่านใดจะเชื่อและพิจารณาด้วยตนเองเทอญ
นายทองเลี่ยม เลิศธรรม
ผู้รวบรวมประวัติหลวงพ่อหมี

การเดินทางไปกราบหลวงพ่อหมี
หลวงพ่อหมี อยู่ที่วัดสีจาน ตำบลขามทะเลสอ อำเภอขามทะเลสอ จังหวัดนครราชสีมา ตั้งอยู่ในเขตเทศบาล เดินทางได้อย่างสะดวก ติดทางหลวงหมายเลข 2068 ไม่ไกลจากถนนมิตรภาพและมอเตอร์เวย์
แผนที่วัดสีจาน https://goo.gl/maps/mwtRfmRuMXm7eApHA
ประวัติวัดสีจาน








ประวัติบ้านสีจานกับวัด 4 อาจารย์ที่หาได้จากนอกหนังสือ
ได้พบข้อความจากคนทั่วไปเขียนกันไว้ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมู่บ้านตั้งอยู่บนเส้นทางผ่านของผู้คนทั้งหลายที่ใช้เส้นทางสัญจรไปมาผ่านอยู่เป็นประจำ เมื่อมีผู้คนผ่านไปมามากขึ้น ก็มีคนอาศัยอยู่เป็นครอบครัวปลูกบ้านเป็นหลัง แต่ด้วยวิถีชีวิตของชาวพุทธที่ต้องทำบุญใส่บาตรกับพระ ชาวบ้านจึงสร้างวัดขึ้น เมื่อมีพระมาจำพรรษาอยู่ก็ทำบุญได้ แต่การสร้างวัดมีการแบ่งกลุ่มตามญาติพี่น้องกันทำบุญเฉพาะกลุ่ม จึงมีวัดเกิดขึ้นถึง ๔ วัด ชาวบ้านทั่วไปจึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่าวัด ๔ อาจารย์ อยู่ต่อมาความศรัทธาและการทำนุบำรุงอุปถัมภ์พระสงฆ์ลดน้อยลง ทำให้วัดไม่มีพระอยู่เพราะไม่มีโยมอุปถัมป์ จึงเหลืออยู่วัดเดียวตราบเท่าทุกวันนี้ กาลเวลาผ่านไปร้อยปี การเรียกชื่อวัด ๔ อาจารย์ จึงเพี้ยนไปเป็น “วัดสีจาน” ตราบเท่าทุกวันนี้ โดยมีหลักฐานเครื่องครัว ถ้วยชามดินเผาอยู่ทั้ง ๓ วัด จากหลักฐานดังกล่าวพิสูจน์ได้ตามที่ได้บอกเล่ามา วัดสีจานมีพระพุทธรูปไม้แกะสลักปางยืนที่มีประวัติไฟไม่ไหม้เมื่อวัดทั้ง ๓ ถูกไฟไหม้ ชาวบ้านจึงเรียกว่า หลวงพ่อหมี เพราะไฟรมจนดำ ชาวบ้านทั่วไปศรัทธาเป็นที่พึ่งทางใจ คนมีทุกข์มากราบไหว้สมปรารถนา
นายวิศาล จ้อยสูงเนิน
ผู้พิมพ์ฉบับเว็บดิจิทัล
๑๖ เมษายน ๒๕๖๖